จินตนาการ



โลกจินตนาการของเด็ก




    องค์ประกอบที่สำคัญ ในการเล่นสมมุติ หรือการสร้างจินตนาการ จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือ    
1. Props คือ วัตถุ หรือวัสดุที่ใช้ประกอบฉาก เช่น ถ้วยกาแฟ เด็กอาจจะเล่นสมมุติว่ากำลังดื่มกาแฟจ
าก
ถ้วยจริงๆ เหมือนคุณพ่อ หรืออาจจะทำมือแกล้งทำเป็นถือถ้วยดื่มกาแฟ (ทั้งๆ ที่ไม่มีถ้วย)  . Plot ส่วนให
ญ่
ในการเล่นสมมุติของเด็ก มักจะมีการสร้าง story line  เป็นเค้าโครงเรื่องอย่างง่ายๆ ซึ่งมักจะเป็นการเลีย
นแ
บบที่เด็กเห็นอยู่ทุกๆวัน รอบๆตัวของเขา เช่น เล่นเป็นคุณครูที่โรงเรียน หรือเล่นเป็นพ่อแม่ เล่นเป็นหมอ หรื
อพยาบาล 
ฯลฯ ในบางครั้งอาจเป็นเค้าโครงเรื่อง จากหนังสือนิทานที่อ่าน หรือจากละครโทรทัศน์ ที่ดูอยู่ทุกวัน      
3. Roles คือ บทบาทที่เล่นเลียนแบบของจริง  เช่น เล่นเป็นตำรวจ วิ่งไล่จับผู้ร้าย เล่นเป็นหมอ ฯลฯ หรือ 
จากจินตนาการ เช่น เล่นเป็นอุลตราแมน หรือ เป็น ซินเดอเรลลา เป็นต้นพลังแห่งจินตนาการ       พอเริ่มเ
ข้าวั

ยเตรียมอนุบาล เด็กเริ่มพ้นออกจากอกพ่อแม่ เช่นไปเล่นกับเด็กอื่นข้างบ้าน ไปโรงเรียน ไปสนามเด็กเล่น
 ฯลฯ 
ซึ่งทำให้อาจไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น ถูกเพื่อนแกล้ง ถครูดุ ไม่มีคนเข้าใจ ฯลฯ ซึ่งเด็กเองไม่เข้าใจ
 และ
ไม่รู้
ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร และไม่มีคุณพ่อ คุณแม่อยู่แถวนั้นคอยช่วยเหลือ ดังนั้น เด็กจึงมีกลไกในตัวเอง
 ที่จะ
ช่วยแก้ไขปัญหา หรือความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง โดยการสร้างจินตนาการ และการเล่นสม
มุติ 
 เช่น สมมุติว่าตนเองใหญ่โต และมีอำนาจ เป็น ตำรวจ เป็นซุปเปอร์แมน ที่จะจัดการกับสิ่งที่ตนเองไม่ชอบได้ 
ทำให้ตนเองรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้น ส่วนใหญ่พระเอกในใจของเด็ก ที่เด็กรู้สึกว่าเก่ง และมีอำนาจ อาจไม่ใช่

 อุลตราแมน หรือซุปเปอร์แมน เสมอไป      ส่วนใหญ่พระเอก( หรือนางเอก) ในใจของเด็ก คือ คุณพ่อคุณแม่
ของเด็กเอง เด็กได้เห็นคุณพ่อคุณแม่ ทำสิ่งต่างๆได้หลายอย่าง ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเด็กอยากทำได้ อย่างนั้น
บ้าง เด็กๆ 
จึงชอบที่จะเล่นสมมุติ เป็นตัวคุณพ่อ หรือ คุณแม่ เช่น เล่นเป็นคุณพ่อไปทำงาน หรือ คุณแม่ทำกับข้าว ฯล
ฯ   
บางครั้ง การเล่นสมมุติ ทำให้เด็กได้คลายความเครียด เช่น เด็กที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากต้อง
ทำผ่า
ตัด อาจจะเล่นสมมุติว่าตนเองเป็นหมอ ทำการผ่าตัดตุ๊กตา หรือ เด็กที่เพิ่งมีน้องใหม่เข้ามาในบ้าน หลังจา
กคุณ
ไปคลอดน้องที่โรงพยาบาล และทุกคนให้ความสนใจ เห่อน้องใหม่กัน เด็กเองเกิดความสับสนในบทบาท
ของตนเอง อาจมีความรู้สึกอิจฉาน้องบ้าง ซึ่งเป็นธรรมชาติของเด็ก ในการปรับตัวเมื่อมีน้องใหม่ ก็อาจจ
ะเล่นโดยเอาตุ๊กตามาสมมุติว่า เป็นน้องเล็ก แล้วมาโยนเหวี่ยงทิ้ง ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็น และเข้าใจเด็
ก ก็จะสามารถช่วยให้เด็กได้ปรับตัวเข้ากับการมีน้องใหม่ได้ โดยการให้เวลากับเขามากขึ้น และอาจจะใช้
ตุ๊กตาตัวเดียวกันนั้น เ
ป็นสื่อในการแสดงความรักน้อง เช่นให้เขาอุ้มป้อนนม, เปลี่ยนผ้าอ้อม ฯลฯ แทนที่จะดุว่าเด็ก ว่าทำไมเอาตุ๊ก
ตามาโยนลงกับพื้น เป็นต้น  การเล่นสมมุติตามจินตนาการของเด็ก ทำให้เด็กได้รู้สึกว่า 1. ตนเองมีความเข้
มแข็ง และมีความมั่นใจมากขึ้น (stronger and more confident)และจะช่วยลดความเครียด หรือความก
ลัวที่ตนเองมีอยู่2. Happiness คือมีความสุขกว่า, active กว่า, มีความก้าวร้าวน้อยกว่า3
. Self-entertainm
ent เช่น ขณะกำลังรอคอยคุณแม่แต่งตัว เขาได้เล่นสมมุติตามจินตนาการจนเพลิน ทำให้ไม่หงุดหงิด
มา
4. Roots of sensitivity การเล่นบทบาทที่สมมุติเป็นคนอื่นๆ ทำให้มีความเข้าใจในบทบาทของแต่ละคน 
ทำให้เข้าใจ และเห็นใจคนอื่นๆมากขึ้น5. Creativity ทำให้เด็กได้ลองคิดในมุมกว้างที่หลากหลาย เช่น เล่น
เป็นคนดี คนไม่ดี คนจน ขอทาน ฯลฯ ทำให้เด็กเริ่มมีทัศนะคติ ต่อโลกรอบตัวเขาในแง่มุมที่กว้างขึ้น     นอก
จากนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาการทางด้านทักษะอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น พบว่าเด็กที่ได้มีโอกาสเล่น
 ตามจินตน
าการของตนเองบ่อยๆ จะมีทักษะในการคิด (Thinking skills) ดีกว่า, มีสมาธินานกว่า และมีไอเดียใหม่มากกว่า
เด็กที่อยู่เฉยๆ ดูแต่ทีวี ฯลฯ อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กที่ชอบเล่นตามจินตนาการ มักจะเป็นเด็กที่มีแววฉลาด
กว่

าเด็กทั่วไป โดยตัวของตัวเองอยู่แล้ว หรือ อาจจะเป็นว่าการเล่นตามจินตนาการของเด็กได้เปิดโอกาสให้เ
กได้คิดสำรวจและมองในมุมมองอื่นที่กว้างขึ้น มีความยืดหยุ่นขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวเด็กเองเมื่อโตขึ้น            ดังนั้นในแง่ของการพัฒนาการของเด็กวัยเตรียมอนุบาลแล้ว การให้เด็กได้มีโอกาสเล่นสมมุ
ติตามจินตนาการของตนเองนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นประโยชน์กับเด็กเองเป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่
จึงควรเข้าใจ และเปิดโอกาสให้เขาได้เล่น ตามจินตนาการของเขาบ้าง       เด็กหญิงกับเด็กชาย จะมีการเล่นสมมุติ แตกต่างกันไหม?     คำตอบ : การเล่นของเด็กหญิงกับเด็กชาย จะมีความแตกต่างกันบ้าง กล่าวคือ 
ในเด็กหญิง แทบทุกคนจะเล่นเป็นแม่ ซึ่งจะช่วยให้เขา สามารถแยกแยะบทบาทของการเป็น
แม่ (sexual identity) ได้ชัดเจนขึ้น ประมาณ 1 ใน 3 จะชอบเล่นเป็น เจ้าหญิง คุณครู นางฟ้า แต่ก็จะมีประม
าณ
 1 ใน 4 ที่ชอบเล่นแบบผจญภัยโลดโผนบ้าง เช่น เป็นซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน อุลตราแมน หรือ เป็นตำ
รวจ
 บ้างในเด็กชาย มักจะเล่นเป็นฮีโร่ ที่มีความแข็งแกร่ง เช่น ซุปเปอร์แมน อุลตราแมน ฯลฯ ประมาณ 40% 
จะเล่นเป็นพ่อ แต่มักจะไม่ได้มีการแสดงบทบาทอะไรมาก นอกจากเดินไปเดินมา แต่โดยทั่วไปแล้ว การเล่นนี้
มักจะเกี่ยวกับภัยคุกคาม ห
รือสิ่งที่อาจจะเป็นอันตราย เช่น มีสัตว์ประหลาดมา กำลังจะมาจับเด็กๆไปกิน พวกเราต้องออกไปต่อสู้ ทำร้า
ยเจ้าสัตว์ประหลาด เตะมันให้กระเด็น ยอมแพ้ไปเลย และเขาก็สามารถปกป้องคนอื่นๆจากสัตว์ประหลาดได้
 ซึ่งการที่เด็กชายได้เล่นเป็นฮีโร่ มีความเข้มแข็ง และแข็งแรง ทำให้เด็กเรียนรู้บทบาท ของการเป็นเพศชาย
ได้
ชัดเจนดีขึ้น          พบว่าทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย จะชอบเล่น บล็อคตัวต่อ หรือ เลโก้ ทำเป็นบ้าน สะพาน 
ขับรถ ฯลน
 เหมือนๆกัน และในบางครั้งจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือชาย จะมีการเล่นสมมุติที่เปลี่ยนบทบาทไป
จากเพศของตน (cross roles) เช่นเด็กหญิงแต่งตัวทำท่าทางเป็นพ่อ หรือ เด็กชายแต่งตัวทำท่าทางเป็
นแม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยไม่ได้หมายความว่าเด็กในวัยนี้ จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจาก
เพศของตน เพราะเป็นการสมมุติดู ตามจินตนาการของตนในบทบาทของคนอื่น (try out different adult role)      นอกจากการเล่นสมมุติ โดยใช้ตนเองเป็นหลักแล้ว ยังพบว่า เด็กในวัยนี้ มักจะมี  “เพื่อนล่องหน”
 หรือ เพื่อนในจินตนาการ (Imaginary friends) ของเขาอยู่กับเขาด้วย เพื่อเป็นเพื่อนที่อยู่ใกล้ชิด ทำให้เข
ารู้
สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว (companionship) เพื่อให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่ทำไม่ได้ หรือ เป็น “
แพะ scapegoat” ไว้ให้เขาได้โทษความผิดให้ เช่น เด็กอาจจะเอาตุ๊กตาตัวโปรดของเขา มายื่นให้คุณแม่ 
แล้วบอกว่า “คุณแม่ครับ เจ้าแพ็ทนี่ละครับ ที่ทำแจกันของคุณแม่ตกแตก คุณแม่ตีเจ้าแพ็ทได้เลยครับ” ฯ
ลฯ หรือ บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะแปลกใจ ที่ลูกสามารถอ
ยู่เล่นคนเดียวในห้องได้ เพราะเขาเองมีเพื่อนเล่นด้วยกับเขา นั่นคือ เพื่อนในจินตนาการนั่นเอง ซึ่งพอเด็
กอายุมากขึ้นกว่านี้ และมีวุฒิภาวะมากขึ้น เพื่อนในจินตนาการของเขา ก็จะหายไปเอง คุณพ่อคุณแม่ก็คว
รจะเข้าใจ และให้การต้อนรับเพื่อนในจินตนาการของเขาด้วย โดยไม่ต้องกังวล ว่าลูกจะมีอะไรผิดปกติไปหรื
อเปล่า
     คุณพ่อคุณแม่ ควรจะสนับสนุนให้ลูกได้มีโอกาสเล่นสมมุติ ตามจินตนาการ ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กทุ
กคน จะมีความสามารถที่จะเล่นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ว่า จะสนับ
สนุน และ
เข้าใจลูกหรือไม่
      คุณสามารถช่วยลูกได้โดยช่วยในการจัดหาอุปกรณ์ในการเล่น และสนับสนุนให้เด็กได้ฝึกใช้จินตนาก
ารของเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณทำได้โดย

1. อ่านหนังสือกับลูกให้ลูกฟัง อาจเป็นหนังสือนิทาน เทพนิยาย หนังสือเกี่ยวกับจินตนาการ เช่น นิทานพื้
นบ้
านของไทย, นิทานอีสป, นิทานของวอลท์ดิสนีย์, แฮร์รี่พอตเตอร์ ฯลฯ และ เล่นบทสมมุติของตัวละครบาง
อย่า
งในเรื่องกับลูก
2. แต่งเรื่องนิทานเล่าให้ลูกฟังเอง หรือ เล่าเรื่องสมมุติขึ้นเอง ให้ลูกฟังก่อนนอน และ ลองให้ลูกหัดแต่ง 
สมมุติของเขาเองบ้าง (ผลัดกันเล่า)
3. เสนอฉาก หรือไอเดีย ในการเล่นสมมุติให้ลูก เพราะประสบการณ์ของลูกยังมีน้อย ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลอ
งออกความเห็นบ้าง จะทำให้เล่นได้สนุกขึ้น เช่น สมมุติเป็นคนขับเรือดำน้า มุดลงไปใต้โต๊ะ (=ลงไปในทะเล
ลึก) จะเจออะไรบ้างเอ่ย เจอฉลาม ก็ลองให้ลูกทำท่าฉลามจะกัดคน เจอปลาหมึกยักษ์ เอาหนวดปลาหมึกม
าจับคนมากิน ฯลฯ
4. แนะนำให้ลองใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ มาทำสร้างจินตนาการ เช่น เอาก้านกล้วยมาทำเป็นม้า ขี่ม้าเลียบค่าย หรื
อ เอาไม้กวาด (ใหม่และสะอาด) มาทำเป็นไม้กวาดบิน ของงานฮาโลวีน หรือ ตามใน แฮร์รี่พอตเตอร์ หรือ 

อาบล็อคเลโก้มาต่อ เป็นเครื่องบิน เรือ ฯลฯ
             ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกในวัยเตรียมอนุบาลของคุณ ให้ได้มีโอกาสเล่นตามจินตนากา
รของตนเองเช่นนี้ ก็จะมีความหมายต่อลูก มากกว่าการพยายามหาซื้อของเล่นพิเศษๆ ที่มีราคาแพง แต่เด็
กเล่นเดี๋ยว
เดียวก็เบื่อ และไม่ได้เสริมจินตนาการของเขาเท่าไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น